วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2566

แพ็คข้าวสูญญากาศ ตั้งแต่เริ่มจนจบทำยังไงบ้าง?

 


เมื่อพูดถึงเรื่องของการถนอมอาหารแบบง่ายด้วยการใช้เครื่องซีลสูญญากาศ หลายคนคงนึกถึงการถนอมอาหารที่เป็นจำพวกอาหารสดเป็นอันดับแรก แต่รู้หรือไม่ว่าการถนอมอาหารแบบสูญญากาศสามารถทำได้กับอาหารแห้งและสิ่งของอื่นๆ ด้วย อาทิเช่น ข้าวสูญญากาศ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน


เพราะนอกจากจะง่ายต่อการขนส่ง แพคเกจดูสวยงามน่าสนใจ สามารถมองเห็นเม็ดข้าวด้านในถุงชัดเจน ทำให้เพิ่มมูลค่าสินค้าไปในตัวอีกด้วย เหมาะแก่การนำไปเป็นของขวัญของฝากในโอกาสพิเศษต่างๆ ได้ ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่จะบรรจุลงในกระสอบที่มองไม่เห็นเม็ดข้าวหรือบางร้านก็ตัดใส่ถุงแบ่งขายเป็นกิโลกรัมมองแล้วไม่น่าสนใจแถมง่ายต่อการที่อากาศจะเข้าไปทำลายความสดใหม่ของข้าว หรืออาจจะมีสิ่งแหลมคมหรือเมล็ดกัดเจาะกระสอบจนทำให้เกิดความเสียหาย

จนทำให้ผู้ประกอบการหรือร้านค้าที่ขายข้าวสารจึงหันมาแพ็คข้าวสูญญากาศขายกันมากขึ้น ซึ่งขั้นตอนไม่ยุ่งยากรวมไปถึงอุปกรณ์นั้นก็สามารถหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย…วันนี้เราเลยขอนำเสนอขั้นตอนการทำ “ข้าวสูญญากาศ” ว่าทำอย่างไรบ้าง? เผื่อใครที่กำลังอยากลองทำจะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง พร้อมแล้วไปดูกันเลย


อุปกรณ์ที่แพ็คข้าวสูญญากาศ
 เครื่องแพ็คสูญญากาศ
 ถุงสูญญากาศ
 บล็อกแพ็คข้าวสาร

ขั้นตอนการแพ็คข้าวสูญญากาศ

1. นำข้าวสารไปช่างน้ำหนักตามที่ต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำแบ่งเป็นถุงละ 1-2 กิโลกรัม เพื่อความสะดวกในการขายและได้สวยงามเวลานำไปวางขาย

2. จากนั้นนำข้าวสารมาใส่บล็อกแพ็คข้าว เพื่อให้เวลาที่เราซีลถุงสูญญากาศข้าวสารจะอยู่เป็นทรงสวยงามตามที่เราใส่บล็อกเอาไว้ หากเราไม่ใส่บล็อกอาจจะทำให้ตอนซีลข้าวสารจะเรียงเม็ดไม่สวยหรือถุงเสียรูปทรงดูไม่สวยและยากต่อการจัดวาง (สำหรับบล็อกแพ็คข้าวสามารถหาซื้อได้ทั่วไปปกติจะมีขายพร้อมกับถุงซีลหรือหากอยากประหยัดงบสามารถใช้กล่องกระดาษมาทำได้เช่นกัน เพียงแค่เลือกกล่องที่มีขนาดพอดีกับปริมาณข้าวสารก็จะทำให้แพ็คข้าวออกมาแล้วดูสวยงานเรียบร้อย)

3. นำข้าวสารที่ใส่ในบล็อกเรียบเรียบร้อยเข้าเครื่องซีลสูญญากาศ เลือกโหมดซีลสูญญากาศ รอจนเครื่องทำงานเสร็จจึงนำออกจากเครื่องและเอาข้าวสูญญากาศออกจากบล็อกแพ็คข้าวสาร

4. ตรวจดูความเรียบร้อยว่าไม่มีรอยรั่วหรืออากาศเข้าเป็นอันเสร็จนำไปส่งขายได้

 


เห็นไหมล่ะ ว่าการแพ็คข้าวสูญญากาศทำได้ไม่ยากเลย แถมยังช่วยให้ข้าวนั้นคงคุณภาพเอาไว้ได้ยาวนาน เนื่องจากอากาศไม่เข้าไปทำให้ออกซิเจนในข้าวลดลง ทำให้มอดไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ลดการเหม็นอับในข้าว ทำให้ข้าวมีกลิ่นหอมยาวนาว และที่สำคัญบล็อกอากาศและความชื้นไม่ให้เข้าไปในข้าว ทำให้ข้าวคงสดใหม่อยู่ตลอด สามารถเก็บได้นานหลายเดือน ในขณะที่ข้าวสารแบ่งขายใส่ถุงตามปกติเพียงแค่ 1 เดือนก็อาจจะมีกลิ่นอัพหรือมอดกินหมดแล้ว

และหากใครที่สนใจอยากมีเครื่องซีลสูญญากาศติดบ้านเอาไว้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเครื่องแพ็คสูญญากาศ สามารถทำข้าวสูญญากาศและถนอมอาหารอื่นๆ ด้วยวิธีสูญญากาศได้เช่นกัน รวมถึงบล็อกข้าว ถุงจีบข้าง ก็สามารถเลือกได้ที่นี่

 

ที่มา:  แพ็คข้าวสูญญากาศ ตั้งแต่เริ่มจนจบทำยังไงบ้าง?

วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2564

4 เทคนิค ลดน้ำหนัก ด้วยการกินอย่างถูกต้อง

 


พูดถึงเรื่องการ ลดน้ำหนัก และความอ้วน สาวๆส่วนใหญ่คงจะไม่ชอบเพราะมันทำให้เราไม่สวย หน้าบานเป็นกระด้ง ไม่กล้าจะไปเจอใคร ๆ อีกทั้งยังทำให้เสียความมั่นใจในการแต่งตัวอีกด้วย แน่นอนแหละค่ะว่าใคร ๆ ก็อยากผอมในเวลาไม่กี่วัน คิดแล้วก็เหมือนฝันไป แต่วันนี้ใครว่าทำไม่ได้คะสาวๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ SGE จะมาแนะนำการลดน้ำหนักด้วยการกินอย่างถูกวิธี เพราะการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี จะทำให้น้ำหนักเราไม่โยโย่ และไม่เสียสุขภาพค่ะ ไม่อันตราย และไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพังแน่นอนค่ะ จะมีเทคนิคอะไรบ้างไปดูกันเลย

ลดน้ำหนัก หมายถึง การทำให้น้ำหนักที่เกินกว่าปกตินั้นลดลงเท่ากับปกติ โดยการใช้พลงงานที่สะสมอยู่ในรูปของไขมันให้เหลือน้อยลงหรือหมดไป และสาเหตุของการมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน การมีน้ำหนักที่เกินมาตรฐานหรือเรียกว่า “อ้วน” นั้นมีสาเหตุสำคัญดังนี้ กรรมพันธุ์ ภาวะทางร่างกาย ความผิดปกติของระบบการเผาผลาญพลังงานและการดูดซึมอาหารของร่างกายที่ขาดประสิทธิภาพ ภาวะทางจิตใจ ความเครียด ความวิตกกังวลซึ่งจะมีผลทำให้มีการรับประทานอาหารเพิ่มขึ้น การบริโภคอาหาร ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งของการมีน้ำหนักที่เกินมาตรฐาน อันเนื่องมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล การทำกิจกรรมที่ไม่ค่อยได้ใช้พลังงาน เป็นสาเหตุหนึ่งของการมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน

การกินกล้วยในมื้อเช้า และ มื้อเย็น

กล้วยนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และวิตามินซี ซึ่งสารจำเป็นเหล่านี้ล้วนมีผลดีต่อการลดน้ำหนักทั้งนั้นค่ะ และจากการศึกษาข้อมูลจากทางเพจ TRUEID ที่ได้แนะนำการกินกล้วยให้ผอมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด จะมีอะไรบ้าง มาดูเคล็ดลับกันเลยค่ะ

มื้อเช้า 👉 กินกล้วยน้ำว้า 1 – 2 ลูกพร้อมน้ำ 1 แก้วหลังตื่นนอน จะช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลมากขึ้น! เพราะกล้วยนั้นมีทั้งวิตามินบี 1 และบี 2 ซึ่งจะช่วยเร่งการเผาผลาญของน้ำตาลและไขมันได้ดีค่ะ นอกจากนั้นคาร์โบไฮเดรตในกล้วยจะช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้เราไม่หิวโซแม้ต้องออกกำลังกายหนักหรือทำงานหนัก

มื้อเย็น 👉 ก่อนกินอาหารเย็น 30 นาที แนะนำว่าให้กินกล้วย 2 ลูก แล้วตามด้วยน้ำ 1 แก้วค่ะ จะช่วยให้ผอมเร็วแถมลดน้ำหนักได้ดีสุดๆ ! เพราะกล้วยเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูงมาก จึงทำให้เรารู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้น ซึ่งถ้าเรากินกล้วยก่อนอาหารมื้อเย็น จะช่วยให้เรากินอาหารเย็นได้น้อยลงกว่าเดิม แถมยังช่วยลดความอยากอาหารมื้อดึกได้ดีอีกด้วยนะคะ


การกินอกไก่ ทดแทน เนื้อ

การกินอกไก่เพื่อ ลดน้ำหนัก หลาย ๆ คนคงจะคุ้นเคยหรือได้ยินกันมาบ้าง เพราะเป็นวิธีที่นิยมใช้มากที่สุด สาเหตุที่ต้องเลือกอกไก่ เพราะตรงส่วนอกไก่นั้นมีไขมันน้อย ให้พลังงานต่ำ อีกทั้งยังย่อยง่ายด้วย ซึ่งดีต่อคนต้องการลดน้ำหนัก และในอกไก่ยังประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนที่ดีอย่างยิ่งสำหรับคนสร้างกล้ามเนื้อเพราะอกไก่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เป็นอย่างดี

สารอาหารและประโยชน์ที่ได้รับจาก ”อกไก่“ มีอะไรบ้าง

โปรตีน อกไก่ 100 กรัมให้โปรตีนโดยประมาณ 21 กรัม ดีอย่างยิ่งสำหรับคนสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งร่างกายคนเราต้องการโปรตีนประมาณ 0.5 -1 กรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ในอกไก่จะมีกรดอะมิโนลิวซีน 4 กรัม ซึ่งกรดอะมิโนดังกล่าวมีหน้าที่ยับยั้งการสลายตัวของกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังเพิ่มพลังงานในการออกกำลังกายและยังสามารถเร่งให้ระบบการย่อยอาหารเร็วขึ้นได้ และยังมีทริปโตเฟน (Tryptophan) ที่เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ ที่สามารถต้านอาการซึมเศร้าได้ อีกทั้งอกไก่อุดมไปด้วยวิตามินบี อย่างเช่น วิตามินบี 5 ซึ่งวิตามินดังกล่าวที่ว่านี้จะสามารถเปลี่ยนแป้ง และไขมันในร่างกาย ให้เป็นพลังงานแทนได้ นอกจากนี้ยังมีวิตามิน บี 6 ที่ดีต่อเม็ดเลือดแดง และยังเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการสร้างพลังงานในร่างกาย และวิตามินบี 12 ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน

ลดน้ำหนัก ด้วยการกินผักสีเขียว

สำหรับการ ลดน้ำหนัก นั้น นอกจากสาวๆ จะต้องใส่ใจในเรื่องของการงดแป้ง งดของหวานแล้ว เรื่องการกินผักก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการลดน้ำหนักเลยค่ะ เพราะการกินผักมากๆ นอกจากจะช่วยให้ขับถ่ายคล่องขึ้น ผักบางชนิดยังมีแคลอรีต่ำ ซึ่งช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณง่ายขึ้นอีกต่างหาก ตัวอย่างเช่น 

บรอกโคลี (33.7 Kcal) 👉 เป็นผักที่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งมีประโยชน์คือ ช่วยให้อิ่มนานนี่ล่ะค่ะสาวๆ จะกินแบบต้มหรือแบบดิบก็ได้หมด ที่สำคัญ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง เหมาะกับสาวเฮลธ์ตี้เป็นที่สุดเลย

เห็ดเข็มทอง (36.3 Kcal) 👉 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาหารที่ไฟเบอร์สูงสุดๆ ค่ะ แถมยังมีแคลอรีต่ำ กินแล้วช่วยให้อิ่มเร็ว อิ่มนานอีกด้วย! ที่สำคัญยังมีสรรพคุณ สุดน่าทึ่ง อย่างการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้เกิดการผกผันจนทำให้เกิดอาการหิวอีกด้วยนะ

ผักคะน้า (22.5 Kcal) 👉 เป็นตัวช่วยในการขับถ่ายชั้นดีเลย เพราะคะน้าอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร แต่แนะนำว่าให้กินสลับกับผักชนิดอื่นบ้างนะคะ เพราะถ้าทานบ่อย ๆ ก็ทำให้ท้องอืดเอาได้เหมือนกัน!

ผักบุ้ง (24 Kcal) 👉 เป็นผักที่ให้พลังงานน้อยใกล้เคียงกับผักคะน้า ซึ่งเป็นผักที่นอกจากแคลอรีจะต่ำแล้ว ยังเป็นผักที่ช่วยดีท็อกซ์ได้ดีอีกด้วย เพราะช่วยล้างสารพิษในลำไส้ และแก้ท้องผูกได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ

 


การกินธัญพืช ลดน้ำหนัก ทดแทนของว่าง

นอกจากการกินผักหรืออกไก่แล้ว การเลือกกินธัญพืชเป็นของว่าง ก็จะสามารถช่วย ลดคอเลสเตอรอล ลดน้ำหนัก สามารถหาทานง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แถมอิ่มสบายท้องและยังช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น ช่วยในการขับถ่าย ทำให้มีรูปร่างที่ดีอีกด้วย ขอแนะนำ 3 ธัญพืชที่เรียกได้ว่าทุกคนต้องรู้จักและหาทานง่ายมาก ๆ 

เมล็ดทานตะวัน เกิดมาจากดอกของต้นทานตะวันเมล็ดนั้นจะอยู่ตรงฐานดอก ในเมล็ดทานตะวันมีน้ำมันมาก แต่ไม่ได้หมายถึงไม่ดีนะคะ เพราะน้ำมันของเมล็ดทานตะวันเป็นรสร้อนเป็นไขมันดี แถมยังมีประโยชน์ในการลดระดับไขมันในเลือดได้อีกด้วย และในเมล็ดทานตะวันมีวิตามิน E จะช่วยบำรุงผิวหนัง และเส้นผมของเราด้วย

เมล็ดฟักทอง ก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน เพราะมีสารอาหาร วิตามิน A โปรตีน สังกะสี แคลเซียมละใยอาหาร การทานเมล็ดฟักทองจะช่วยขับไขมันในเลือดได้ เพราะในเมล็ดฟักทองจะมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว จะทำให้ลดโอกาสการเกิดเป็นไขมันอุดตันเส้นเลือด สาวๆ คนไหนที่มองหาของกินเล่นระหว่างวัน แนะนำเมล็ดฟักทองเลยค่ะ

ข้าวโพด เป็นพืชที่ให้คาร์โบไฮเดรตสูงมาก เพียงแค่เราทานข้าวโพด 1 ฝัก ก็เท่ากับเราทานข้าวไป 1 จานแล้ว ข้าวโพดยังมีสารอาหารมากมาย เช่น ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม สังกะสี เหล็ก และไฟเบอร์ ซึ่งไฟเบอร์จะมีหน้าที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด ทำให้การทำงานของลำไส้ได้ดีขึ้น แถมยังป้องกันอาการท้องผูก ริดสีดวง และโรคมะเร็งลำไส้ด้วย


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ฟินกันไหมกับเมนูอกไก่ช่วยลดน้ำหนัก หวังว่าสาว ๆ ที่ทำตามจะลดน้ำหนักกันสำเร็จ ได้หุ่นที่เพรียวสวยกลับมาเป็นของแถมนะคะ บอกเลยถึงการกินจะช่วยจัดการกับน้ำหนักของเราได้ถึง 80% ก็จริง แต่ถ้าใครอยากมีหุ่นที่เฟิร์มขึ้นก็ต้องทำควบคู่กับการออกกำลังกายไปด้วยเพื่อเติมเต็มอีก 20% ที่ร่างกายของเราต้องการนั่นเองนะคะ  สามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่ 😍

ที่มา : SGEPRINT -  4 เทคนิค ลดน้ำหนัก ด้วยการกินอย่างถูกต้อง



 

 

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

วิธีทำครัวซองต์ กรอบนอกนุ่มใน หอมเนยกรุ่นจากเตา 🥐

 

“ครัวซองต์” – Croissant ขนมอบสัญชาติแท้สไตล์ฝรั่งเศส เอาใจสายชอบเบเกอรี่ที่มีส่วนประกอบหลักด้วยเนย แล้วยิ่งอบแบบใหม่ ๆ จากเตา แล้วยิ่งทานคู่กับนมหรือกาแฟในตอนเช้า ถือเป็นอาหารเช้าที่ฟินอย่าลอกใคร HappyFresh บอก วิธีทำครัวซองต์ ขนมอบยอดฮิตในตอนนี้ ไม่ต้องง้อไปซื้อที่ร้าน เบเกอรี่ แพง ๆ อีกต่อไป เพราะแค่มีวัตถุดิบครบ มีเตาอบ พร้อมอบครัวซองต์ได้เลย!

 

วัตถุดิบทำครัวซองต์

แป้งขนมปัง 500 กรัม

ยีสต์ 10 กรัม

นมสด 1 ถ้วย

น้ำตาล ¼ ถ้วย

เกลือ 7 กรัม

เนยสดจืด 250 กรัม



วิธีทำครัวซองต์

ผสมแป้ง โดยการเทนม แป้งขนมปัง ยีสต์ และ น้ำตาล แล้วนวดให้เข้ากัน ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที

เอาพลาสติกใสห่อแป้ง แล้วนำแป้งไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง

ช่างเนย โดยการตัดกระดาษไข แล้วรีดเนยให้ขนาดเท่า A5 เอาไปแช่เย็น

ทำการเข้าเนย คือ การเอาเนยให้เข้าไปอยู่ในตัวแป้ง โดยอย่างแรกให้รีดแป้งให้มีขนาดเท่าขนาด A4

นำเนยวางไว้ตรงกลางของแป้ง แล้วลอกเนยออกจากกระดาษไขออก แล้วพับแป้งเข้าไปให้หุ้มเนย

ห่อด้วยพลาสติกใส นำไปแช่ช่องเย็น 30 นาที

รีดให้ยาว 45 เซนติเมตร กว้าง 20 พับครึ่งของแป้ง แล้วทบอีกฝั่ง จากนั้นห่อพลาสติกใส แช่ช่องเย็นอีก 30 นาที

รีดแป้งอีกหนึ่งครั้งให้ยาว 50 เซนติเมตร กว้าง 20 เซนติเมตร แล้วพับสองด้านของแป้งชิดเข้าหากัน และพับเข้าหากัน จากนั้นห่อพลาสติกใส แช่ช่องเย็นอีก 30 นาที

ขึ้นรูปครัวซองต์ ให้ยาว 50 เซนติเมตร กว้าง 20 เซนติเมตร ให้มีความหนาประมาณ 3 มิลลิเมตร

ตัดแป้งประมาณ 4 นิ้ว โดยการตัดมุมเฉียง ให้เหมือนชิ้นพิซซ่า แล้วขึ้นรูปครัวซองต์ โดยการม้วนตรงด้านเส้นตรงเข้าหามุมแหลม นำเอาครัวซองต์ไปใส่ถาดอบ

ตีไข่ไก่และนมสดลงไป แล้วกรองเอาไข่ขาวออก ทาไข่ลงบนแป้งครัวซอง

นำเอาแป้งครัวซองต์ไปอบ 190 องศา ประมาณ 20 นาที

 


Cooking Tips:

โรยแป้งตลอดการรีดแป้ง เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดกัน ซึ่งจะทำให้รีดแป้งยากขึ้น

ทาเนยบนแป้งครัวซองต์ เพื่อความหอมเนยที่มากขึ้น

 
 
ที่มา :happyfresh.co.th

 

แบ่งปันสูตร “ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา” แป้งนุ่ม ไส้เยิ้ม อร่อยเต็มคำ เหมาะสำหรับทำขาย สร้างรายได้

เรียกได้ว่าเมนูที่มีส่วนผสมของ “ไข่เค็ม” ยังคงความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเป็นเมนูของคาว หรือเมนูของหวาน ที่เกิดจากการผสมผสาน ดัดแปลงใส่ไข่เค็มลงไป ทำให้ได้รสชาติที่แปลกใหม่ ถูกปากคนไทย

 

วันนี้ ในบ้าน จึงได้นำเมนูอีกหนึ่งเมนูไข่เค็มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้ ซึ่งนั่นก็คือเมนู “ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา” สูตรจากคุณ ศิริกัญ แป้งนุ่ม ไส้เยิ้ม อร่อยเต็มคำ เหมาะสำหรับทำขาย สร้างรายได้ ถ้าพร้อมแล้วไปชมวิธีทำกันได้เลย

 

ส่วนผสมไส้ไข่เค็มลาวา

1. ไข่เค็มแดงสุก 18 ฟอง (นำไปเวฟ 1 นาที หรือ นำไปนึ่ง)

2. วิปปิ้งครีม 250 กรัม

3. นมข้นหวาน 100 กรัม

4. กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา

5. เกลือ 1/4 ช้อนชา

6. ผงคัสตาร์ด 50 กรัม

7. เนยเค็มละลาย 70 กรัม

 


 

วิธีทำไส้ไข่เค็มลาวา

1. นำไข่เค็มแดงไปนึ่งหรือเวฟ ให้สุก แล้วนำมาบดหยาบๆ

2. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่โถปั่นให้ละเอียด

3. ปั่นส่วนผสมเสร็จแล้วเทใส่กล่องปิดฝา นำไปแช่ช่องแข็ง แช่ข้ามคืน

4. หลังจากแช่แข็งข้ามคืนใช้ที่ตักไอติม ปั้นเป็นลูกๆ ขนาด 23 -25 กรัม ได้ 28 -29 ลูกนำไส้ที่เราปั้นเสร็จแล้ว ไปแช่ช่องแข็ง อีก 30 นาที หลังจากนั้นก็นำมาห่อได้เลยค่ะ

 


ส่วนผสมแป้งชั้นนอก

1. แป้งอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 120 กรัม

2. แป้งเค้ก 80 กรัม

3. น้ำตาลทราย 35 กรัม

4. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

5. เนยรัมข้าว 25 กรัม

6. น้ำมันพืช 25 กรัม

7. น้ำเปล่า 75 กรัม

 

วิธีทำแป้งชั้นนอก

1. ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดรวมกัน ใส่เกลือลงไปด้วยตอนร่อน

2. เตรียมภาชนะสำหรับนวด

3. นำน้ำตาลทรายและน้ำเปล่า ผสมรวมกันคนให้น้ำตาลละลาย

3. ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในภาชนะ แล้วนวดจนแป้งเนียนนุ่ม ไม่ติดมือ ใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที

4. นวดเสร็จแล้วให้ใช้พลาสติกแรฟไม่ให้อากาศเข้า พักแป้งไว้ 30 นาที

 

ส่วนผสมแป้งชั้นใน

1. แป้งอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 70 กรัม

2. แป้งเค้ก 30 กรัม

3.น้ำมันพืช 20 กรัม

4. เนยรัมข้าว 20 กรัม

 

วิธีทำแป้งชั้นใน

1. ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดมาร่อนรวมกัน

2. นำเนยรัมข้าว ผสมลงในแป้ง แล้วนวดให้ปั้นเป็นก้อนได้

3. นวดเสร็จแล้วให้ใช้พลาสติกแรฟไม่ให้อากาศเข้า พักแป้งไว้ 30 นาที

 

วิธีการทำขนมเปี๊ยะ

1. เมื่อพักแป้งจนครบ 30 นาที ให้แบ่งแป้งชั้นนอกชั้นใน ออกเป็น 10 ก้อน แป้งชั้นใน ปั้นก้อนละ 13-14 กรัม แป้งชั้นนอก ปั้นก้อนละ 35-36 กรัม


2. ห่อแป้งชั้นนอก -ชั้นใน เข้าด้วยกัน แล้วใส่กล่องปิดฝาให้สนิทพักแป้ง 1 คืน  ไม่ต้องแช่ตู้เย็นวางไว้อุณหภูมิห้อง


3. นำแป้งที่เราหมักไว้ 1 คืนมารีด เป็นรูปวงรียาวๆ แล้วม้วนให้เป็นแท่ง เสร็จแล้วใส่กล่องปิดฝาให้สนิทพักแป้ง 20-30 นาที


4. ครบ 30 นาที ก็มารีดอีกครั้ง ให้รีดตามยาวแล้วม้วนให้แน่น  เสร็จแล้วใส่กล่องปิดฝาให้สนิทพักแป้ง 20-30 นาที

5. หลังจากนัดตัดแป้งออกเป็น 2 ชิ้น แล้วรีดให้เป็นรูปกลมๆ นำไส้มาห่อไส้ลาวา


(รีดแป้งให้เสร็จก่อนค่อยห่อไส้ เพราะตัวไส้ละลายเร็ว)

6. เสร็จแล้วจัดเรียงใส่ถาด นำเข้าเตาอบ อบใช้ไฟบนล่าง 190 องศาเซียลเซียส อบรอบแรก 5-6 นาที แล้วนำมาทาหน้าด้วยไข่แดง


 

ไข่แดงทาหน้าขนม

** ไข่แดง 1 ฟอง สีเหลือง 1/2 ช้อนชา น้ำเปล่า 1/2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมันพืช 3-4 หยด งาขาวล้างให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วนำไปคั่ว**

7. อบรอบที่สอง 4-5 นาที แล้วนำออกจากเตาพักให้เย็น


 

 
 
ที่มา : naibann